การปรุงแต่งฟางโดยใช้ยูเรีย
ทำโดยใช้สัดส่วน ฟางข้าวที่ไม่ขึ้นรา : น้ำ : ปุ๋ยยูเรีย (100:100:6) สัดส่วนน้ำหนัก (กก.) สำหรับพื้นที่ที่ใช้เตรียมฟาง อาจเป็นพื้นที่ราบธรรมดา หรือทำเป็นห้องมีหลังคาก็ได้ ส่วนฟางข้าว สามารถเลือกใช้ฟางข้าวเจ้า หรือฟางข้าวเหนียวก็ได้เช่นกัน หากต้องการทำฟางข้าวปรุงแต่ง 1,500 กก. พื้นที่ที่ต้องใช้ คือ 9 × 9 เมตร
วิธีการปรุงแต่งฟางข้าว 1,500 กก.
คำแนะนำ
ลักษณะของฟางปรุงแต่งที่ดี |
คุณค่าอาหารของฟางปรุงแต่ง |
1. มีสีน้ำตาลเข้มกว่าปกติ |
เพิ่มโปรตีนจาก 3 – 4 % เป็น 7 – 9 % ของวัตถุแห้ง |
2. มีกลิ่นแอมโมเนีย |
เพิ่มการย่อยได้จาก 45 % เป็น 50 – 55 % |
3. มีความชื้นประมาณ 50 % |
สัตว์กินฟางได้เพิ่มขึ้นประมาณ 30 – 40 % |
4. มีลักษณะอ่อนนุ่ม |
เพิ่มพลังงานสุทธิที่สัตว์จะนำไปใช้ประโยชน์ได้ |
5. ไม่มีรา |
เพิ่มผลผลิตให้แก่สัตว์ (เนื้อและนม) |
การนำฟางปรุงแต่งยูเรียมาเป็นอาหารโค
การปรุงแต่งฟางโดยใช้กากน้ำตาลกับยูเรีย
ทำโดยใช้สัดส่วน ฟางข้าวที่ไม่ขึ้นรา : น้ำ : ปุ๋ยยูเรีย : กากน้ำตาล (100:60:1.5:7.5) สัดส่วนน้ำหนัก (กก.) วิธีเสริมฟาง นำฟางมาเกลี่ยตามรางจ่ายอาหาร ให้โคกินฟางแห้งให้มากไว้ก่อน จากนั้นจึงละลายยูเรียกับกากน้ำตาล และน้ำ ในอัตราส่วนที่กำหนดให้เข้ากัน ใช้บัวรดน้ำราดส่วนผสมดังกล่าวลงบนฟางให้โคกิน (โคกินประมาณ 3% ของน้ำหนักตัว) ทั้งนี้เพื่อลดปัญหาการเป็นพิษของยูเรีย เพราะอาจมีโคบางตัวหิวมาก หากราดกากน้ำตาลกับยูเรียให้กินก่อนโคอาจกินยูเรียในปริมาณมากจนเป็นอันตรายได้
ขบวนการใช้ประโยชน์โปรตีนจากอาหารในสัตว์เคี้ยวเอื้อง
การย่อยสลายของอาหารโปรตีนแท้ และไนโตรเจนที่มาจากโปรตีนไม่แท้ ในสัตว์เคี้ยวเอื้องจะเกิดขึ้น เมื่อสัตว์กินอาหารเข้าไปถึงกระเพาะหมัก ในกระเพาะหมักจะมีจุลินทรีย์อาศัยอยู่จำนวนมาก และหลายชนิด ประมาณ 60% ของอาหารที่เป็นโปรตีนแท้จะถูกย่อยสลายให้เป็นแอมโมเนียด้วยจุลินทรีย์ในกระเพาะหมัก ส่วนอีก 40% จะไหลผ่านไปยังกระเพาะแท้ และลำไส้เล็ก
สำหรับสารประกอบที่ไม่ใช่โปรตีนแท้ (ยูเรีย) จะถูกย่อยสลายเป็นแอมโมเนียทั้งหมด แอมโมเนียที่ได้จากโปรตีนแท้ และแอมโมเนียจากสารประกอบไม่ใช่โปรตีน ส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้ประโยชน์ร่วมกับอาหารพลังงาน จุลินทรีย์ใช้เพื่อการเจริญเติบโตของตัวมันเองกลายเป็นจุลินทรีย์โปรตีน (microbial protein, MP) นอกจากนี้จะมีแอมโมเนียบางส่วนผ่านเข้ามาในระบบการย่อยทางน้ำลาย และผนังของกระเพาะรูเมนอีกครั้ง ซึ่งการหมุนเวียนของแอมโมเนียระบบนี้ จะสามารถช่วยให้สัตว์เคี้ยวเอื้องได้รับไนโตรเจนเพิ่มขึ้นในช่วงระยะที่สัตว์อดอาหาร หรือได้รับอาหารที่มีไนโตรเจนต่ำ ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากแอมโมเนียส่วนนี้
แอมโมเนียบางส่วนที่เกินจะถูกส่งไปที่ตับเปลี่ยนเป็นยูเรีย และขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะ ส่วนจุลินทรีย์โปรตีนและโปรตีนที่เหลือจะผ่านมายังกระเพาะแท้ และลำไส้เล็ก ซึ่งจะถูกย่อยสลาย ถูกดูดซึมนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการดำรงชีพและการให้ผลผลิตสำหรับตัวสัตว์ต่อไป ส่วนที่ไม่สามารถสลาย และดูดซึมไม่ได้ก็จะถูกขับออกจากร่างกายทางอุจจาระ
ข้อควรระวังในการใช้ยูเรีย และการรักษาการเป็นพิษของยูเรีย
ต้องผสมยูเรียเข้ากับอาหารให้ดี อย่าให้ยูเรียจับเป็นก้อน ให้ใช้ยูเรียร่วมกับวัตถุดิบที่ให้พลังงานสูง คำนึงถึงความสมดุลของแร่ธาตุที่สำคัญต่าง ๆ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก ทองแดง โคบอลท์ แมงกานิส ไอโอดีน แมกนีเซียม กำมะถัน และต้องมี วิตามิน เอ ดี อี อย่างพียงพอ
ยูเรียเองไม่เป็นพิษต่อตัวสัตว์ การเป็นพิษจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อยูเรียสลายตัวได้แอมโมเนีย ซึ่งแอมโมเนียนี้เองที่เป็นพิษกับเนื้อเยื่อ เมื่อสัตว์กินอาหารโปรตีนสูงๆ หรือกินสารประกอบที่ไม่ใช่โปรตีนแท้มากเกินไป จะส่งผลให้ในกระเพาะหมัก ผลิตแอมโมเนียมากขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดเกินกว่า 2 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ สัตว์จะแสดงอาการเป็นพิษ และหากแอมโมเนียในเลือดสูงถึงระดับ 3 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ สัตว์จะเป็นอันตรายถึงตายได้ อาการเป็นพิษที่พบทั่วไป คือ หลังจากกินยูเรียเข้าไปประมาณ 20 นาที จะแสดงอาการน้ำลายฟูมปากหายใจลึก หรือหายใจลำบาก มีอาการทางประสาท กล้ามเนื้อชักกระตุกอย่างรุนแรง ท้องอืด สัตว์จะล้มลงนอน และตายในที่สุด
การรักษาการเป็นพิษของยูเรียที่ได้ผล ควรทำก่อนหน้าที่โคจะมีอาการจุกเสียดมีการชักกระตุก ทำการกรอกน้ำส้มสายชูตัวละ 1–2 ลิตร เพื่อให้ไปสลายฤทธิ์ของยูเรีย ตามหลักกรดผสมด่าง จะได้เป็นน้ำและสารประกอบในรูปเกลือ เพราะยูเรียเมื่อย่อยสลายในกระเพาะหมักโคจะได้แอมโมเนียที่เป็นด่างอย่างรุนแรง เมื่อให้น้ำส้มสายชูซึ่งเป็นกรด กรดผสมด่างจะทำให้แตกตัวสลายกลายเป็นน้ำและสารประกอบในรูปเกลือซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อตัวโค น้ำส้มสายชูเป็นกรดที่ไม่รุนแรงไม่ระคายเคืองมากนัก โคสามารถรับกับสภาวะความเป็นกรดในกระเพาะได้ดี โคสามารถทำลายสภาวะกรดได้ด้วยการเคี้ยวเอื้องเอาน้ำลายซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่างไปสลายกรดในกระพาะได้ การหาอาหารหยาบคุณภาพดีให้โคกินอยู่เสมอจะช่วยให้การหลั่งน้ำลายออกมาได้มาก
ในขณะปฏิบัติช่วยเหลือโค หากยังหาน้ำส้มสายชูไม่ได้ การช่วยเหลือเบื้องต้นที่ควรทำ คือ การใช้น้ำเย็นกรอกให้โคกินเพื่อบรรเทาความรุนแรง เนื่องจากน้ำเย็นจะทำให้อุณหภูมิของของเหลวในกระเพาะหมักลดลง ช่วยลดอัตราการแตกตัวของยูเรียทำให้การดูดซึมแอมโมเนียเข้ากระแสเลือดลดลง น้ำเย็นช่วยเจือจางความเป็นพิษของแอมโมเนียโคจะรู้สึกสบายตัวมากขึ้น ไม่กระวนกระวาย
นอกจากการกรอกน้ำส้มสายชูแล้วสิ่งที่ควรทำเพิ่มอีกอย่างหนึ่งคือ การให้น้ำเกลือเข้าเส้นเลือดเพื่อช่วยขับความเป็นด่างที่อยู่ในเลือดให้หมดไป เนื่องจากแอมโมเนียบางส่วนถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดไปแล้ว การให้น้ำเกลือจะส่งผลให้โคฟื้นตัวเร็วขึ้น
เอกสารอ้างอิง
กรมปศุสัตว์. 255?. 25 การใช้ประโยชน์จากยูเรียเป็นอาหารสัตว์. http://nutrition.dld.go.th/Nutrition_Knowlage/ARTICLE/ArtileC.htm
กฤช พจนอารี. 255?. สืบจากซาก ตอน เล่นกับไฟ. วารสารโคนม ปีที่ 25 ฉบับที่ 1.
วิจักษณ์ จันทาสี. 2556. การจัดการพืชอาหารสัตว์สำหรับโคนม. คู่มือการเลี้ยงโคนม. ครั้งที่ 8. แผนกถ่ายทอดเทคโนโลยีการเลี้ยงโคนม องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย อสค.
วิโรจน์ ภัทรจินดา. 2563. ยูเรียกับความเข้าใจผิด. CowNews: จดหมายโคนม. ภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
คุณวรรณเพ็ญ สุขเฉลิม ฝ่ายวิชาการ บริษัท เวท อะกริเทค จำกัด
10 พฤศจิกายน 2564
ผู้ชม 1016 ครั้ง